หนังสือ ซีดี / ดีวีดี รายการสินค้าทั้งหมด พระพุทธรูป งานพิมพ์ แผนที่

หมูเจ้าสำราญ

(อ่าน 300/ ตอบ 0)

chompoonut (Member)


หมูเจ้าสำราญ



                              *****



                                                     น้องอย่าริษยาหมูมุณิกะเลย



                                    มันกินอาหาร



                                    อันเป็นเหตุให้มันต้องเดือดร้อน



                                    น้องจงพอใจกินข้าวลีบนั้นเถิด



                                    เพราะมันจะทำให้น้องอายุยืน



                                                     *****


 


 



 



            กาลครั้งหนึ่ง สมัยก่อนพุทธกาล ณ เมืองพาราณสี แคว้นกาสี ตรงกับรัชสมัยพระเจ้้าพรหมทัต ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายเศรษฐีคนหนึ่ง เลี้ยงวัวไว้ใช้งานสองตัวกับหมูเจ้าสำราญตัวหนึ่งชื่อ "มุณิกะ" 



            ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นวัวชื่อ "มหาโลหิตะ" พระอานนท์เกิดเป็นวัวชื่อ "จูฬโลหิตะ"



            วัวมหาโลหิตะกับวัวจูฬโลหิตะ ต่างก็เป็นพี่น้องกัน วัวมหาโลหิตะเป็นพี่ วัวจูฬโลหิตะเป็นน้อง วัวทั้งสองมีเจ้าของเป็นคนเดียวกันกับหมูมุณิกะ



            วัวกับหมูแม้จะอยู่กับเจ้าของคนเดียวกัน แต่ความเป็นอยู่นั้นแตกต่างกันมาก วัวมหาโลหิตะกับวัวจูฬโลหิตะถูกใช้ให้ทำงานหนักกลางแดดกลางฝนเกือบทั้งวัน เวลาถึงคราวกินก็ได้กินแต่ข้าวลีบ ส่วนหมูมุณิกะไม่ต้องทำงานหนักนอนพลิกไปพลิกมาอยู่ตามใต้ถุนบ้าน หรือไม่ก็ออกไปหากินนอกบ้านตามสบาย ถึงเวลาอาหารที่บ้านก็ได้กินอาหารดีดี



            ในวันหนึ่ง ขณะวัวทั้งสองกำลังพักผ่อนอยู่ วัวจูฬโลหิตะผู้น้อง พูดขึ้นว่า



            "พี่มหาโลหิตะ น่าอิจฉาเพื่อนมุณิกะนะ ขณะที่เราทั้งสองต้องทำงานหนัก แต่เขากลับสบาย"



            "อย่าอิจฉาเขาเลยน้องจูฬโลหิตะ เรากับเขาเกิดต่างเผ่าพันธ์กัน เราเกิดมาเพื่อทำงานหนัก แต่เขาเกิดมาเพื่อกินแล้วก็นอน อย่าคิดอะไรเลย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดดีกว่า"



            วัวทั้งสองพี่น้องมักคุยกันอย่างนี้อยู่เสมอ ซึ่งฝ่ายที่เริ่มต้นคุยก่อนมักเป็นวัวจูฬโลหิตะ ทั้งนี้เป็นเพราะเห็นหมูมุณิกะแล้วอดนำมาคิดเปรียบเทียบไม่ได้ วัวมหาโลหิตะเข้าใจความรู้สึกของวัวน้องชายได้ดีจึงคอยปลอบอยู่ตลอดเวลา



            เจ้าของวัวกับหมูมีฐานะความเป็นอยู่ถึงขั้นเศรษฐี ส่วนภรรยาของเขาได้คอยปรนนิบัติรับใช้ตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี



            สองสามีภรรยามีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง รูปร่างสวยงาม อายุเพิ่งรุ่นสาว ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ขยันขันแข็งช่วยทำงานบ้านงานเรือนมิได้ขาด เป็นที่รักไคร่ของพ่อแม่มาก แม้แต่คนในหมู่บ้านที่ได้รู้เห็น ยังกล่าวสรรเสริญถึงความดีงามของลูกสาวเศรษฐีอยู่เสมอๆ



            อยู่มาวันหนึ่งมีเศรษฐีอีกตระกูลหนึ่งได้ยินข่าวร่ำลือของนาง ต้องการอยากได้นางมาเป็นลูกสะใภ้ จึงเดินทางมาสู่ขอนางให้กับลูกชายของตน



            "เพื่อน ตระกูลของเราก็ทัดเทียมกัน ท่านเป็นเศรษฐี ข้าพเจ้าก็เป็นเศรษฐี ท่านมีลูกสาว ข้าพเจ้ามีลูกชาย หากตระกูลของเราทั้งสอง ได้เกี่ยวดองกัน เราจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครนะ" เศรษฐีจากต่างตระกูลเปิดฉากเจรจา



            "เราสองคนเป็นผู้ใหญ่อาจจะมองว่าดีแต่ในแงของเรา แต่ไม่รู้ว่าเด็กๆ เขาจะคิดกันยังไง" เศรษฐีลูกสาวสวยแบ่งรับแบ่งสู้



            "ลูกสาวท่านคิดยังไงไม่รู้ แต่ลูกชายข้าพเจ้าแอบรักลูกสาวท่านมานานแล้ว ที่มาวันนี้ก็จะมาขอลูกสาวท่านให้ลูกชายข้าพเจ้า"



            "ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะให้เด็กได้รู้จักกันให้มากกว่านี้ ไม่ดีหรือ"



            "โฮ่ย... เขารู้จักกันมามากพอแล้ว เห็นกันมาตั้งแต่เล็ก เราเองก็ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน ถึงจะมาดูใจกันอีก"



            เศรษฐีลูกสาวสวย เมื่อเห็นเศรษฐีจากต่างตระกูลรุกหนักและไม่ทราบว่าจะตัดสินใจอย่างไร จึงบอกให้คนรับใช้เรียกลูกสาวมาหา



            "ลูกพ่อ ลุงเศรษฐีมาขอลูกให้แต่งงานกับลูกชายเขา ลูกจะว่ายังไง" เศรษฐีบอกลูกสาวพลางมองดูหน้าหล่อน



            "คุณพ่อ" ลูกสาวเศรษฐีพูดกับบิดา "หนูเป็นสมบัติของคุณพ่อ แล้วแต่คุณพ่อจะตัดสินใจ หนูทำตามคุณพ่อได้ทุกอย่าง"



            เศรษฐีลูกสาวสวยยิ้มที่มุมปากหลังจากได้ยินลูกสาวให้โอกาสตนเช่นนั้น เขามองหน้าลูกสาวแล้วหันมาทางเศรษฐีจากต่างตระกูลพร้อมกับพูดว่า



            "ท่านเศรษฐี เมื่อลูกสาวให้ข้าพเจ้าตัดสินใจ ข้าพเจ้าก็ยินดียกเธอให้แก่ลูกชายท่านตามที่ท่านขอ"



            เศรษฐีจากต่างตระกูลดีใจมากที่ขอลูกสาวเศรษฐีให้ลูกชายได้สำเร็จ เขาจับมือเศรษฐีนั้นไว้แน่นพลางกล่าวขอบคุณและให็สัญญาว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง



            จากนั้น เศรษฐีทั้งสองก็ตกลงหมั้นหมายกันและกำหนดวันแต่งงานไว้เสร็จสรรพ ครั้นแล้วเศรษฐีจากต่างตระกูลก็ลากลับไป



            ฝ่ายเศรษฐีลูกสาวสวย ครั้นเศรษฐีจากต่างตระกูลกลับไปแล้วก็เรียกภรรยามาปรึกษาหารือกัน ถึงเรื่องการจัดงานแต่งงานให้สมกับฐานะของตน



            "วันแต่งงานของลูกสาวเรา ซึ่งจะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีคนมาเยอะ ควรที่จะต้องจัดหาอาหารอย่างดีมาเลี้ยงรับรองแขกเหรื่อที่มาในงาน"



            เศรษฐีผู้สามีกล่าวกับภรรยา "ดังนั้นพี่ขอมอบงานด้านการจัดทำอาหารให้น้องดูแล"



            "แล้วเราจะทำอาหารอะไรเลี้ยงเขาดีล่ะ"



            "น้องว่าทำแกงมัสมั่นหมูเลี้ยงคงจะดี" ภรรยาเสนอแนะ



            "พี่ว่าเข้าท่าดีเหมือนกัน" เศรษฐีเห็นด้วย



            เมื่อตกลงกันเช่นนั้นแล้ว สองสามีภรรยาก็ช่วยกันเลี้ยงหมูให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยให้กินอาหารชนิดซึ่งเมื่อกินแล้วจะทำให้ได้เนื้อขึ้น หมูมุณิกะเองก็นึกกระหยิ่มอยู่ในใจที่ได้กินอาหารชนิดดี โดยที่ตัวเองหารู้ไม่ว่าจะถูกฆ่าเอาเนื้ออยู่อีกไม่นานแล้ว



            "พี่มหาโลหิตะ เวลานี้สังเกตเห็นหมูมุณิกะไหม เดี๋ยวนี้ อ้วนพีขึ้นเรื่อยๆ แต่ละมื๊อเห็นกินอาหารดีๆ" วัวจูฬโลหิตะฟ้องมหาโลกหิตะ



            "จูฬโลหิตะน้องรัก..." วัวมหาโลหิตะปลอบวัวจูฬโลหิตะ "น้องอย่าริษยาหมูมุณิกะเลย เพราะขณะนี้เขากำลังกินอาหารที่เป็นเหตุให้ตัวเองต้องตาย พี่อยากให้น้องพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้เถิด เราได้กินข้าวลีบกันเป็นประจำมันก็ดีแล้ว เพราะมันจะทำให้น้องอายุยืน"



            วัวจูฬโลหิตะไม่เข้าใจความหมายที่วัวมหาโลหิตะบอกนัก แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม เพราะเคารพในพี่ชายนั่นเอง แต่หลังจากนั้นมาใกล้ถึงวันงาน วัวจูฬโลหิตะก็เข้าใจ เพราะได้เห็นคนฆ่าหมูมาจับหมูมุณิกะไปฆ่า แล้วชำแหละเอาเนื้อไปปรุงอาหารเลี้ยงแขกที่มางานวันแต่งงานของลูกสาวเศรษฐี



            "พี่มหาโลหิตะ น่าสงสารหมูมุณิกะจังเลยนะ อยู่ดีดี ก็ถูกเขาจับฆ่ากิน" วัวจูฬโลหิตะปรารถกับวัวมหาโลหิตะ



            "น้องรัก..." วัวมหาโลหิตะเอ่ยขึ้น "น้องเข้าใจตามที่พี่บอกแล้วใช่ไหม เศรษฐีเลี้ยงหมูมุณิกะจนอ้วนก็เพราะต้องการเนื้อ ดังนั้นอาหารที่หมูมุณิกะกินเข้าไปเท่ากับไปช่วยเร่งให้ตัวเองอายุสั้น"



            "เข้าใจแล้วพี่มหาโลหิตะ" วัวจูฬโลหิตะรับคำก่อนที่จะก้มหน้ากินข้าวลีบ หญ้าแห้ง และฟางแห้งอย่างที่เคยกินมาต่อไป



                        อย่าหลงระเริงอยู่กับความสุขสบายที่ได้รับจนเกินไป เพราะความสุขสบายนั้น อาจนำภัยพิบัติมาให้ได้









Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 04/05/2011
ปรับปรุง 26/04/2024
สถิติผู้เข้าชม 10,732,477
Page Views 15,498,226
สินค้าทั้งหมด 1,596
 
ค้นหาสินค้า

หมวดหมู่ :

ราคา :


 

เมนู

 

สมาชิก




ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
 
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    


            
page counter  บริษัท ธรรมสภา บันลือธรรม จำกัด
สั่งหนังสือ โทร .091-883-7117,091-884-9916 งานพิมพ์,ส่วนเพิ่ม โทร.094-557-7549
ที่อยู่ : 1-1/6, 2-8, 10, 12, 14, 39 ซอยบรมราชชนนี 119 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170
 
  จำนวนผู้เข้าชม Free Web Counters
page counter
view